ตอนนี้ในวงการ Gaming ถ้าเราพูดกันถึง Ray-Tracing แน่นอนว่าทุกคนต้องนึกถึงฟีเจอร์พรีเมี่ยมที่มีแค่การ์ดจอจากทาง NVIDIA ในตระกูล RTX เท่านั้นที่ให้ได้ ด้วยความที่มีหน่วยประมวลผลพิเศษอย่าง RT Core ที่ทำการประมวลผล Realtime Ray Tracing โดยเฉพาะ .. ทำให้หลายๆคนที่อยากใช้ฟีเจอร์นี้ต้องยอมลงทุนควักเงิน เพื่อที่จะได้ใช้ฟีเจอร์ระดับพรีเมี่ยมเช่นนี้
แต่สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้ เหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับตลาด PC โดยรวม .. ด้วยความที่ Crytek ผู้พัฒนาเกมที่สุดแห่งภาพสวย (และกินสเป็ค) ในอดีตอย่าง Crysis ที่สมัยก่อน คอมต้องสเป็คเทพมากๆถึงจะปรับสุดได้ ได้มาเปิดตัว Engine ของตัวเกมใหมอย่าง CRYENGINE 5 และที่พิเศษก็คือ Engine ตัวนี้เป็นครั้งแรกของโลกที่การทำ Realtime Ray Tracing อย่างลื่นไหลนั้น ไม่จำเป็นต้องทำบน NVIDIA RTX สถาปัตยกรรม Turing อีกต่อไป เพราะว่าการ์ดรุ่นเก่าของค่ายคู่แข่งก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลไม่แพ้กัน
โดยทาง Crytek ได้เอา Demo ของ Neon Noir เข้ามาโชว์ให้เห็นการทำ Realtime Ray-Tracing ในแบบ Resolution 4K ได้อย่างลื่นไหล ด้วยการ์ดจอ AMD Vega 56 โดยสิ่งที่เน้นในการทำ Ray Tracing หลักๆเลยก็คือน้ำและกระจก ที่มีการตกกระทบของแสงมาก .. อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Crytek เอามาโชว์นั้นอาจจะยังไม่ได้สวยงามเตะตาเหมือนกับเกมที่มีฟีเจอร์ Ray Tracing ทุกวันนี้ .. แต่ก็ยังถือว่าน่าประทับใจครับ เพราะการ์ดที่จะสามารถใช้งานมันได้นั้น ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องมี RT Core แต่อย่างใด
นอกจากนั้นทาง Crytek ก็ได้ให้ข้อมูลไว้ด้วยว่าวิธีการทำ Ray Tracing แบบนี้ เน้นเพื่อให้ GPU ที่รองรับ DX12 และ Vulcan API สามารถใช้งาน Ray Tracing ได้ .. นั่นหมายความว่าการ์ดจากทาง AMD Vega และ NVIDIA Turing (พวก GTX) ก็จะสามารถทำ Ray Tracing ได้อย่างไม่มีปัญหา .. แต่สำหรับพวก Pascal และ Maxwell หรือการ์ดที่เก่ากว่านั้นอาจจะมีปัญหาได้ เพราะว่าการใช้งาน DX12 และ Vulkan Support ยังนิ่งสู้ Turing และ Vega ไม่ได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นนี้ก็เป็นแค่ Demo และทาง Crytek ก็ยังไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าระบบ Ray-Tracing ของตัวเองนั้น ควรจะใช้ Hardware แบบไหนถึงจะเหมาะสม .. ถ้าใครคิดจะซื้อการ์ดจอใหม่ตอนนี้ เพราะคิดว่าไม่ต้องเป็น RTX ก็สามารถทำ Ray-Tracing ได้แล้ว แอดมินแนะนำว่าให้รอถึงช่วง GDC ก่อนครับ ตอนนั้นเราจะมีข้อมูลมากกว่านี้ว่าควรจะใช้การ์ดจอแบบไหนถึงจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ถึงแม้ว่าข้อมูลยังไม่แน่นอนและสิ่งที่เห็นอาจจะยังสู้การเปิด DXR บนการ์ด RTX อย่างเต็มตัวไม่ได้ แต่ก็ถือเป็นข่าวที่ดีครับ อย่างน้อยผู้ที่ไม่สามารถจ่ายเงินซื้อฟีเจอร์ระดับพรีเมี่ยม หรือไม่ต้องการจ่าย ก็ยังมีโอกาสได้ใช้ฟีเจอร์ระดับพรีเมี่ยมเหมือนกัน !