การเข้าสู่ตลาดหูฟังเกมมิ่งของ Sennnheiser ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ โดยเฉพาะเรื่องของคุณภาพเสียงที่ผู้ใช้สามารถฟังเพลงได้อย่างมีความสุขตามสไตล์เสียงดั้งเดิมของพวกเขา แน่นอนว่าในช่วงที่ผ่านมาเราเคยสัมผัสหูฟังที่มีความใกล้เคียงกันอย่าง GSP 350 ซึ่งมีข้อติติงเล็กน้อยในเรื่องความสบายขณะสวมใส่ แต่สำหรับหูฟัง GSP 370 มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ทั้งๆ ที่โครงสร้างของมันก็แทบไม่แตกต่างกัน
มาพูดถึงจุดเด่นของหูฟังตัวนี้กันก่อน เริ่มจากการบรรจุเทคโนโลยี Acoustic technology ลงในหูฟัง ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ได้รับรางวัลในรุ่น GSP 300 ตรงนี้ช่วยให้ขับเสียงเบสได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเป็นอคูสติกที่เด่นชัด ประการที่ 2 ก็คือ เป็นหูฟังไร้สายที่ใช้งานกับตัวรับส่งสัญญาณของตัวเองและใช้งานต่อเนื่องได้นาน 100 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าเล่นเกมวันละ 10 ชั่วโมงก็ยังใช้งานได้เกินสัปดาห์จากการชาร์จ 1 ครั้ง ต่อมาก็คือ ไมโครโฟนแบบตัดเสียงรบกวนที่ถอดเปลี่ยนหรือปรับความยาวไม่ได้ แต่ใช้การยกขึ้นลงเป็นการใช้หรือเปิดการใช้งาน คร่าวๆ ประมาณนี้ ต่อมาก็เป็นเรื่องของสเปคที่ทางผู้ผลิตนำเสนอไว้
Specification
- Transducer principle (headphones): Dynamic, closed
- Ear coupling: Around Ear
- Frequency response (Headphones): 20-20,000 Hz
- Frequency response (Microphone): 100-6,300 Hz
- Pick-up pattern:Unidirectional
- Cable length: 1,5m charging cable
- Weight: 285 g
ใช้พสาสติกคุณภาพสูง เพื่อให้มันมีน้ำหนักเบา
โครงสร้างทั้งหมดของหูฟัง Sennheiser GSP 370 แทบจะไม่มีโลหะเลย แต่พลาสติกที่ใช้มีคุณภาพที่ดีมาก เหนียว มีความยืดหยุ่นสูง บิดงอได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นผิวของวัสดุเองที่มีลักษณะกึ่งด้าน เนื้อละเอียดก็เกิดริ้วรอยจากปลายเล็บได้ยากกว่าหูฟัง GSP 350 ใต้ก้านคาดศรีษะมีแผ่นรองรับการกดทับ หุ้มด้วยผ้าตาข่าย ตรงนี้ให้สัมผัสที่ลื่นและนุ่มนวล
เอียร์ครัชชั่นมีรูปทรงตัว D ตามลักษณะของใบหู ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ยังเป็นแบบ Over-ear คือครอบหู วัสดุหุ้มเมมโมรี่โฟมจะมีของส่วน คือ ส่วนที่สัมผัสกับใบหน้าจะใช้ผ้ากำมะหยี่ ขณะที่ด้านข้างใช้หนังสังเคราะห์ ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนออกมาทำความสะอาดได้ ตัวเอียร์คัพไม่มีส่วนเปิดใดๆ โดยเทคนิคมันก็คือ หูฟังแบบปิด แกนแขวนหูฟังสามารถบิดหมุนหน้าหลังบนล่างได้เล็กน้อยเพื่อให้ปรับเข้ากับรูปใบหน้าได้สะดวก
ตำแหน่งควบคุมระดับความดังเสียงจะอยู่ทางฝั่งขวา บิดหมุนได้รอบ มีความหนืดกำลังดี ส่วนทางฝั่งซ้ายจะมีสวิทช์เล็กๆ ในการเปิดปิดการทำงาน และเช็คค่าแบตเตอรี่ด้วยการเลื่อนหน่วงไว้สัก 10 วินาที ใกล้ๆ กันจะมีพอร์ต Micro USB เพื่อชาร์จพลังงาน และไฟสถานะของหูฟัง
ไมโครโฟนแบบก้านยาว ถอดเปลี่ยนไม่ได้ อาศัยการยกขึ้นลงในการเปิดปิดการทำงาน ก้านไมค์ส่วนกลางใช้วัสดุยาง ดังนั้นจึงสามารถปรับบิดงอเพื่อให้โค้งเข้าหาปากได้ยืดหยุ่น และคงรูปหรือองศาตามที่ปรับในระดับที่น่าพอใจ ในส่วนของไมโครโฟนเองก็มีระบบตัดเสียงรบกวนด้วย
ปรับแต่งได้หลากหลาย แต่ยังมีข้อจำกัด
ซอฟต์แวร์ Sennheiser Gaming Suit ยังคงจำเป็นต้องติดตั้งในเครื่อง เนื่องจากโดยปกติหูฟังจะให้เสียงในระบบสเตอริโอ และมันสามารถยกระดับเสียงผ่านการปรับค่าอีควอไลเซอร์ให้เหมาะกับการใข้งานหรือพรีเซ็ตที่มีให้ ในส่วนนี้ระบบยอมให้คุณตั้งค่าเองตามต้องการและบันทึกพรีเซ็ตอย่างที่เห็นในคำว่า “PUBG”
ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด โดยเฉพาะในกรณีของการปรับค่า Noise Cancellation ที่ไม่สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกับฟีเจอร์ Side Tone ถึงอย่างนั้นการปรับ Noise Gate ก็ถือว่าเพียงพอระดับหนึ่งแล้วในการตัดเสียงรบกวน อย่างไรก็ดี จากการทดสอบฟังเสียงจากไมโครโฟน เรารู้สึกว่ามันตัดเสียงรบกวนให้อยู่แล้ว เนื่องจากเราไม่ได้ยินเสียงลมจากแอร์ในห้อง แถมกราฟเสียงเองก็ไม่ได้ขยับใดๆ เมื่อเราอยู่เฉยๆ นอกจากนั้นในส่วนของเมนู Setting จะปุ่มให้เข้าถึงเมนูตรวจสอบเสียงของวินโดว์ บล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ และการเปิดให้ซอฟต์แวร์โชว์ขึ้นมาหลังจากบูตเข้าหน้าเดสก์ทอป
ใส่สบายกว่าที่คิด
ก่อนใช้งานจริง เราค่อนข้างมีอคติกับหูฟัง GSP 350 อยู่เล็กน้อยตรงที่มันกดทับช่วงใต้ติ่งหู ขณะที่ทีมงานบางคนที่ศรีษะไม่ได้ใหญ่เองก็บอกว่ามันค่อนข้างบีบรัด แต่สำหรับหูฟัง GSP 370 กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจนน่าแปลกใจ การสวมใส่ทำได้กระชับมาก และด้วยการที่มันมีน้ำหนักเบา เมื่อขยับหัวไปมาก็แทบไม่มีการขยับ ที่สำคัญคือ มันมีการกดทับรอบๆ หูอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อนั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ เรายังสวมใส่มันต่อไปได้เกิน 1 ชั่วโมงแบบเพลินๆ ถ้าจะให้สรุปคือ มันมีความกระชับ แต่อยู่ในระดับที่สบายๆ โดยเฉพาะคนที่ศรีษะใหญ่ ดังนั้นคนศรีษะเล็กๆ ไม่ต้องพูดถึง สบายยิ่งกว่าเสียอีก
เสียงใสสะอาด มีไดนามิกที่ดี
โดยส่วนตัวจดจำแนวเสียงของหูฟัง GSP 350 ไม่ได้ แต่ถ้าพูดเฉพาะสไตล์เสียงของหูฟัง GSP 370 ตัวนี้ก็ถือว่ามันโดดเด่นเกินกว่าหูฟังเกมมิ่งโดยทั่วไปในตลาดมาก เนื่องจากสไตล์เสียงของมันมีไดนามิกของเบสที่น่าประทับใจ มีอิมแพคให้ตื่นเต้นพอตัว โทนเสียงกลางค่อนข้างเป็นธรรมชาติ เสียงนักร้องเองก็มีความหวานใสอยู่ในตัว โทนเสียงรวมๆ ถือว่าอยู่ในโซนใสสะอาด โปร่งมีมิติ และขับรายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยออกมาให้ได้ยินชัดเจน เรียกว่า สามารถใช้ฟังเพลงได้อย่างสบายหูและได้อรรถรส แม้จะใช้ค่าพรีเซ็ตแบบ Flat ก็ตาม
กลับมาที่การใช้พรีเซ็ต ESPORT สำหรับการเล่นเกมกันบ้าง ค่าดังกล่าวจะยกการขับเสียงสูงให้เพิ่มขึ้นและเปิดระบบเสียงจำลอง 7.1 ให้ เรื่องการสร้างมิติรอบตัวเรารู้สึกว่ามันทำได้น่าพอใจ เสียงระเบิด เสียงปืน เสียงโลหะกระทบทำได้ดี แต่การระบุตำแหน่งเสียงฝีเท้าศัตรูทำได้แม่นยำในเรื่องของทิศทาง แต่เรารู้สึกว่า เสียงฝีเท้ามันเบาไปสักหน่อยถ้าเทียบกับหูฟังหลายๆ ตัวที่เราเคยสัมผัสมา ถ้าให้คะแนนประโยชน์ในการเล่นเกมแนว Survival เราคิดว่าอยู่ในระดับ 8 จาก 10 คะแนน
Conclusion
หูฟังเกมมิ่งตระกูล Sennheiser GSP ถือว่าเป็นโปรดักส์ที่อยู่ระดับท็อปๆ ของวงการในขณะนี้ ซึ่งหูฟัง GSP 370 ก็เป็นเช่นนั้นด้วยแม้จะอยู่ในกลุ่มหูฟังไร้สาย นอกจากคุณภาพเสียงที่ไม่มีใครเหมือนแล้วมันก็ยังใช้งานได้ยาวนานจริงๆ เราใช้งานหูฟัง 4 วันติดๆ วันละ 2 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย จากค่าพลังงาน 88% ลดลงมาเหลือ 81% ดังนั้นถ้าบอกว่า ใช้งาน 100 ชั่วโมงก็ฟังดูสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม หลายๆ อาจจะไม่ชอบวัสดุของหูฟังรุ่นนี้ เนื่องจากมันมีวัสดุอื่นๆ ที่ทนทานกว่าตามหลักการ แต่เรามองว่า ถ้าคุณใช้อยู่เฉพาะบนโต๊ะคอม หรือหน้าจอทีวีร่วมกับ PS4 ก็หมายความว่า คุณไม่ได้พามันไปบุกป่าฝ่าดงหรืออยู่ท่ามกลางแสงแดดร้อนๆ เราเชื่อว่ามันก็น่าจะอยู่กับคุณได้นานอย่างน้อย 2 ปี
Thanks: Ascenti Resources Co., Ltd | ARC (www.ascenti.co.th)
Price: 6,990 บาท