สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน มาถึงยุค 2021 ที่ทางด้านการใช้งาน NAS นั้นได้รับความสนใจกับการใช้งานมากขึ้น คงเนื่องมากจากนโยบายของ Google Photos ที่อีกไม่กี่วันนี้จะจำกัดพื้นที่ ถ้าต้องการใช้งานมากกว่า 15 GB ต้องเสียค่าบริการ แน่นอนกว่า NAS นั้นมีประโยชน์ในการใช้งานมากกว่าการสำรองข้อมูล ยังใช้ประโยชน์ในการสตรีมมิ่ง การสร้างคลาวด์ส่วนตัว ที่สามารถใช้งานได้จากทุกพื้นที่บนโลกใบนี้ นอกจากนั้นการใช้งานสำหรับเฉพาะทางสาย IT NAS นั้นยังนำไปปรับรูปแบบการใช้งานได้อีกหลากหลาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด การติดตั้งสตอเรจภายในตัว NAS นั้น ควรต้องใช้รุ่นที่ออกแบบมาสำหรับ NAS โดยเฉพาะ แบรนด์ WD ก็จะมี WD Red และ WD Red Pro ทำตลาด แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง WD RED แต่หยิบยกมาลองใช้งานทั้ง HDD ขนาด 3.5 นิ้ว และ SSD ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ออกมาตอบโจทย์การใช้งานแบบ 24/7 ที่มีความทนทานมากกว่าการนำ HDD และ SSD แบบที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ปกติ
Package
แพคเกจตามสไตล์ของ SSD จาก WD โดยจะมีความแตกต่างในเรื่องสีแดง เพราะนี่คือ WD RED SA500 นั้นเอง
Design & Detail
มาถึง WD Red SA500 ในรูปแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้ว ความหนา 7มม.
อินเตอร์เฟส SATA III 6Gb/s ที่จะเหมือนกับ SSD SATA ที่เราได้เคยเห็นหรือใช้งาน
ตัวฮาร์ดดิสก์ WD RED ที่หน้าตาภายนอกมันก็เหมือนกับ HDD ขนาด 3.5 นิ้วที่เราเห็นได้ทั่วไป โดยความแตกต่างนั้นคือการออกแบบภายในและอุปกรณ์ต่างๆ โดย WD RED จะมีความเร็วในการหมุนจานที่ 5400 รอบต่อนาที
อินเตอร์เฟส SATA III 6Gb/s ที่จะเหมือนกับ HDD SATA ที่เราได้คุ้นเคยกันดี
เดี๋ยววันนี้เราจะมาทดลองใช้งานจริง WD RED ทั้ง HDD และ SSD
System Setup
การเซ็ตอัพระบบในการทดสอบ ที่จะใช้ NAS ของ Synology ในโมเดล DS1520+ โดยจะทำการสร้าง Storage Pool แยกกันระหว่าง HDD และ SSD เพื่อทดสอบประสิทธิภาพเมื่อใช้งานจริงกับ NAS
รายละเอียดข้อมูลของ WD RED ทั้ง HDD และ SSD ที่เราจะเห็นว่าความร้อนของมันมีพอสมควร ขึ้นอยู่กับการใช้งานที่จะส่งผลต่อความร้อน
Performance Test
สำหรับประสิทธิภาพของ WD RED SSD ที่ทางด้านประสิทธิภาพของการอ่านและเขียนข้อมูลที่มีความเร็วสูงระดับ 2XX-3XX MB/s ถ้าในการใช้งานจริง ด้วยความเร็วของ SSD ที่สามารถเข้ามาทำ SSD Cache เพื่อประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น ,การใช้งาน Hot Storage ที่ไม่ได้เน้นถึงความปลอดภัย เน้นถึงความเร็วในการเข้าถึงพร้อมกันหลายคนในเวลาเดียวกัน เช่นตอนเช้าเวลาเริ่มทำงานทุกคนเข้ามาเปิดไฟล์เอกสาร ที่การเลือก WD RED เข้ามาตอบโจทย์จุดนี้ได้ และ ที่สำคัญในการใช้งาน NAS ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานระบบเครือข่าย 5-10 Gbps ที่การใช้งาน SSD เข้ามาเก็บข้อมูลก็สามารถเสริมประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีมากขึ้น เช่นการตัดต่อวีดีโอ โดยฟุตเทจเก็บไว้บน NAS
มาต่อกันที่ประสิทธิภาพของ WD RED HDD ที่ทางด้านการอ่านและเขียนข้อมูลต่อเนื่อง ความเร็วกับ NAS ที่เชื่อมต่อระดับเครือข่าย 1 Gbps ก็ยังคงสามารถทำออกมาได้ดี แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพที่สูงกว่านี้ จำเป็นต้องเชื่อมต่อ RAID 0 10 หรือ 5 เพื่อช่วยเสริมให้ตอบโจทย์การใช้งานของ NAS ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายระดับ 2.5 ,5 หรือ 10 Gbps ได้ดีมากขึ้น ซึ่งข้อเสียของการใช้ HDD ในเรื่องประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล ที่สู้ SSD ไม่ได้ การรุมใช้งานพร้อมกันในหลายผู้ใช้งานในห้วงเวลาเดียวกัน อาจเกิดอาการสะดุดได้บ้าง ก็สามารถนำ WD RED SSD มาทำ SSD Cache เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพได้
Conclusion
WD RED ทั้ง HDD ขนาด 3.5 นิ้ว และ SSD ขนาด 2.5 นิ้ว ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับโซลูชั่นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสำหรับ NAS ที่ในการใช้งานนั้นสามารถเลือกได้ทั้งจำนวนข้อมูล และ ประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่ง WD RED HDD ก็ยังรองรับการเชื่อมต่อ RAID เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการใช้งานในสูงมากขึ้น ในกรณีที่ระบบเครือข่ายรองรับความเร็วมากกว่า 1 Gbps การเชื่อมต่อ RAID 5 เป็นทางเลือกที่ดี ได้ทั้งประสิทธิภาพที่สูงขึ้น แล้วก็ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยของข้อมูลในกรณีฮาร์ดดิสก์เสีย 1 ลูก มาถึงทางด้าน WD RED SSD แน่นอนว่ามันจะได้เปรียบในเรื่องของประสิทธิภาพ และ กาเข้าถึงข้อมูล ที่ SSD มีความเหนือว่า HDD อย่างไม่ต้องสงสัย นอกนั้นก็ยังสามารถนำ WD RED SSD มาทำ SSD Cache เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของ WD RED HDD ให้ดีมากขึ้น สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : N/A บาท
Special Thanks : Western Digital Corporation