สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ถ้าพูดถึงตลาดของสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Amdroid อีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการทำตลาดมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ซึ่งนั้นก็คือ Samsung ที่มีการออกโมเดลต่างๆ เรียกได้ว่าทำตลาดกันหลากหลายงบประมาณและความต้องการ ซึ่ง Samsung Galaxy A72 ที่เรามารีวิวให้ชมในวันนี้ ที่เหมาะกับใครที่ไม่เน้นเทคโนโลยี 5G ด้วยหัวใจหลัก Snapdragon 720G ตัวยอดนิยมกับสมาร์ทโฟน ผนวกกับ Ram 8GB และ Rom 128GB ที่ Samsung Galaxy A72 มีการใส่เทคโนโลยี Ai Game Boost Plus เพื่อการเล่นเกมได้ดี รวมไปถึงการใส่อุปกรณ์จุดต่างๆได้ เช่นหน้าจอ Super AMOLED 24 Bit รวมไปถึงระบบเสียงที่จูนโดย AKG ที่ทำออกมาได้น่าสนใจกับสมาร์ทโฟนระดับราคาหมื่นต้นๆ อาจะไม่ได้เน้นสเป็คกระดาษที่ดูดีมากนักแบบแบรนด์จีน 



มาถึงจุดเด่นสำคัญของ Samsung Galaxy A72 
1. หน้าจอแสดงผล Infinity-O Display  
2. กล้อง 4 ตัว โดยตัวหลักความละเอียด 64 ล้าน พร้อมกับระบบกันสั่นแบบ OIS 
3. กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 ตกน้ำลึก 1 เมตร ได้ 30 นาที 

Package & Bundled

ตัวกล่องมาด้วยคามเรียบง่ายในสไตล์ของซัมซุง ด้วยธีมหลักสีขาว พร้อมกับรูปตัวเครื่องตามสีในกล่อง 


ในชุดของที่ให้มา Fast Charge แบบ 25 Watt ,สายชาร์จแบบ C to C ,คู่มือการใช้งาน ,เข็มจิ้มซิม และ เคสซิลิโคนใส 
 

Design & Detail

การออกแบบดีไซน์ถ้าเรามองแต่ด้านหน้าคงยากที่จะดูออกว่ามันคือรุ่นอะไร ด้วยรูปทรงของหน้าจอ 20:9 ช่วยทำให้เครื่องหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว แต่ยังจับมือเดียวได้ถนัด ถ้าใครนิ้วโป้งยาวก็ยังพอใช้งานมือเดียวได้อยู่ โดยขนาดจะอยู่ที่ 165 × 77.4 × 8.4 มม. น้ำหนัก 203 กรัม ที่การติดฟิล์มกันรอยมาให้ หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว กระจกด้านหน้าที่ตามสเป็คไม่ได้แจ้งว่าใช้ผู้ผลิตเจ้าไหน โดยใช้หน้าจอ Super AMOLED ตามสเป็คความสว่าง 800 nits Refresh Rate 90 Hz ด้วยความละเอียด FHD+ พร้อมเทคโนโลยี Eye Comfort Shield² ถนอมสายตา วางกล้องหน้าตามยุคสมัย 2021 ที่จะเจาะรูกล้องหน้า Infinity-O Display ลำโพงสนทนาต้องย้ายไปอยู่ขอบเครื่องที่ซ่อนไว้เนียนมาก โดยลำโพงตัวนี้จะเป็นลำโพงตัวที่สองในการใช้งานอีกด้วย ทางด้านเทคโนโลยี NFC ที่ก็ถูกใส่มาให้ ในต่างประเทศน่าจะใช้ประโยชน์ได้จริง ในบ้านเราก็เริ่มที่จะมีการใช้งานได้บ้างแล้ว อย่างเช่นแตะซื้อของในร้านสะดวกซื้อ 

ด้านหลังที่เป็นใช้วัสดุพลาสติกสีดำ โดยจะมีทางเลือกของสีขาว ,ม่วง และ ฟ้า จะมีสีดำและสีขาว พื้นผิวที่ไม่ได้เงาก็แลดูเป็นรอยนิ้วมือไม่ง่ายสำหรับคนมือแห้ง ถ้าคนมีเหงื่อออกที่นิ้วหฌมีรอยนิ้วมือให้เห็นกันได้ การออกแบบเหมือนกับการดูมีส่วนผสมส่วนที่เด่นที่สุดจะเป็นบริเวณของกล้อง ที่มีความดูอลังการมากขึ้น ซึ่งขอบมันจะยื่นๆมาหน่อย การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันควรต้องใส่เคสป้องกันด้วย

แกนหลางของตัวเครื่องทำมาจากพลาสติกสีธีมเข้ากับตัวฝาหลัง ด้านขวาที่จะปุ่มพาวเวอร์ ที่พร้อมกับปุ่มเพิ่มและลดระดับเสียง มาตรฐานในการออกแบบของยุคนี้ แต่ด้วยการวางระยะที่ห่างกันพอสมควร โอกาสลั่นจับภาพหน้าจอยากครับ 


ด้านบนจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวน โดยถาดใส่ซิมจะอยู่ด้านบนเครื่อง 


ถาดใส่ซิมเป็นแบบ Hybrid รองรับการติดตั้ง Nano Sim 2 อัน หรือ Nano Sim + Micro SD Card ขอบถาดมียางกันน้ำกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67 


ในส่วนด้านล่างที่มีการเชื่อมต่อ USB Type-C พร้อมกับไมค์ และ ลำโพงที่จูนเสียงโดย AKG อีกทั้งยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่น่าสนใจกับสายใช้หูฟัง ที่มีหูฟัง 3.5 มม. ก็เสียบได้โดยไม่ต้องใช้สายแปลง 

กล้องมาเป็นแผงการออกแบบรูปทรงดูเรียบๆดี จะมีแฟลชแบบโทนสีเดียว เซ็นเซอร์กล้องหลัก 64 Mp f/1.8 กันสั่น OIS ,มุมกว้างพิเศษ 12 Mp f/2.2 ,มาโคร 5 Mp f/2.4 และ ซูม 8 Mp f/2.4 ซูมออฟติคอล 2 เท่า 


กล้องที่จะเป็นการเจาะรูที่หน้าจอ อยู่ตรงกลางของหน้าจอ ใช้เซ็นเซอร์ 32Mp f/2.2
 

UI and Setting

แน่นอนว่ามันคือ Samsung ที่จะมีแอปการใช้งานพิเศษของซัมซุม ติดตั้งมาให้ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะไม่ติดตั้งก็ได้ครับ 


One UI 3.1 ที่มีความสวยงามและการใช้งานไม่ยากนัก พร้อมกับการออกแบบที่ One Ui นั้นสามารถปรับแต่งและเปลี่ยน Themes สำเร็จรูปหรือตามความต้องการ ทั้งแบบเสียงเงินและฟรี รองรับ Dark Mode ตามยุคสมัย

การเปลี่ยน Themes และ UI ต่างๆ มีให้โหลดมาติดตั้งได้ สามารถแยกจะเปลี่ยนเป็นส่วนๆไปตามความต้องการ 


การปรับแต่งการแสดงผลนั้นสามารถทำออกมาได้ดี ไม่เสียชื่อซัมซุม 

ทางด้านของรอมที่จะเป็น Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1 


การปรับแต่งการทำงานของตัวเครื่อง ที่จะเป็นมาตรฐานของกลุ่มแบรนด์ Samsung ถ้าใครย้ายมาจากแบรนด์อื่นต้องทำความคุ้นชินกันเล็กน้อย ส่วนใครใช้จนติด อาจหนีไปแบรนด์อื่นแล้วไม่ชิน 


Edge Panels ที่จะเป็นแถบซ่อน สามารถลากแสดงผลออกมา โดยในส่วนนี้สามารถปรับแต่งการใช้งานได้ตามความต้องการ  


แน่นอนว่ามีแบบสำเร็จรูปให้เลือกโหลดมาใช้งาน ทั้งฟรีและเสียเงิน 


มาถึง Control Center ที่จะรวบรวม Quick Setting และ การแจ้งเตือน ถ้าลากที่ท่อนการแจ้งเตือน เราจะสามารถดูการแจ้งเตือนอย่างละเอียดมากขึ้น
 

เข้ามาอยู่ในการลากหน้าจอจากด้านบนลงมา  Quick Setting จะมีแถบบนสุด 6 คำสั่ง ลากลงมาอีกระดับ จะมี 12 คำสั่ง และ เลื่อนไปทางด้านขวาก็จะเห็นคำสั่งลัดเพิ่ม ที่ผู้ใช้งานสามารถลากปรับตำแหน่งได้ตามความชอบและถนัด 


การปรับการแสดงผล Dark Mode และ การปรับ Refresh Rate ได้ระหว่าง 60 และ 90 Hz 


การปรับแต่งในส่วนของ Eye Comfort Shield²  การปรับโทนสีของภาพที่แสดงผล


ระบบความปลอดภัยสามารถใช้ใบหน้าและลายนิ้วมือได้ ส่วนใครที่ขัดใจที่ปุ่มพาวเวอร์แล้วเรียกเข้าผู้ช่วยอัฉริยะ Bixby ก็มาปรับเปลี่ยนการใช้งานได้  


ระบบการชาร์ตไว ที่ตามหัวชาร์ตในกล่องให้ Fast Charge มาให้พร้อมใช้งาน พร้อมกับความจุ 5000 mAh ใช้งานวันนึงเหลือๆ 
 

Dial และ Contact จะเป็นของ One UI แต่ SMS จะเป็นของ Google 


ระบบเสียงที่โดยส่วนตัวผมถูกใจนะครับ ไม่ได้ถูกใจกับ Dolby Atmos แต่ถูกใจกับการปรับในภาพด้านขวา ที่สามารถปรับความถี่ให้เหมาะสมกับแต่ละวัยได้ 

ประสิทธิภาพในการทดสอบ AnTuTu ด้วย SoC Snapdragon 720G คะแนนนั้นก็จะทรงๆที่สองแสนปลายๆ ที่ทดสอบออกมาได้ถือว่าแรงมากถ้าเทียบกับเครื่องอื่นที่ใช้ SD720G แบรนด์อื่น อีกการทดสอบสตอเรจ ที่ใช้ UFS 2.1 ผลการทดสอบออกมาแรงใช้ แต่ถ้ามองกันที่ราคาตัวเครื่อง ทั้งประสิทธิภาพและสตอเรจแพงไปหน่อยครับ 


ตัวเครื่องมาตรฐาน Wireless AC เมื่อใช้งานกับ WiFi 6 Router ความเร็วที่ออกมาระดับ 3XX Mbps โดยส่วนตัวไม่ประทับใจอย่างมาก มาถึงทางด้านการใช้งานเทคโนโลยี 4G เพราะตัวนี้ไม่รองรับ 5G วิ่งได้ประมาณระดับ 1X Mbps เท่านั้น ก็ตามปกติกับพื้นที่บ้านของผม ซึ่งมันอยู่ตะเข็บชายแดนกรุงเทพฯ วิ่งได้เท่านี้ก็พอรับได้ แต่มันควรจะแรงกว่านี้นิดนึง 

การใช้งาน 

การปลดล็อกตัวเครื่อง ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหน้า ความไวอาจไม่ได้ไวมาก แต่ความแม่นยำที่ทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร โดยปกติผมเป็นคนที่ลายนิ้วบางมาก ยิ่งช่วงไหนซ่อมรถหรือล้างมือบ่อยๆลายนิ้วแทบไม่เห็น เวลาเดินทางไปต่างประเทศจะมีปัญหามากเวลาสแกนลายนิ้วมือ ก็ใช้งานได้ครับ มาถึงจุดหลักที่อยากจะพูดคือหน้าจอแสดงผลครับ ความสวยงามถือว่าทำออกมาได้ดี ถ้าเทียบกับเครื่องแบรนด์อื่นที่ใช้หน้าจอ AMOLED ของ Samsung Galaxy A72 ก็สวยงามดีครับ ในเรื่องของความสว่างสูงสุด 800 Nits ในการใช้งานพื้นที่แสงมากๆ ก็พอที่จะสู้แสงได้ 


การใช้งานทางด้านความบันเทิง ด้วยขนาดจอ 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ที่เรียกได้ว่าเต็มตาสะใจในการดูหนังหรือดูคลิปวีดีโอต่างๆ คอนเทนต์จาก Netflix ที่รองรับความละเอียดระดับ HD หรือ Youtube เราสามารถขยายหน้าจอไม่ให้เห็นขอบดำได้ ส่วนกล้องหน้าที่เจาะหน้าจอ อาจให้ความรู้สึกขัดๆตาไปบ้าง ถ้าตั้งใจไปสังเกตุมองมัน ระบบเสียงสเตริโอที่จูนโดย AKG ก็ให้รายละเอียดเสียงสูงและกลางที่ชัดเจน จุดด้อยจุดเดียวคงเป็นเรื่องของเสียงต่ำ ยิ่งตัวเครื่องและฝาหลังเป็นพลาสติก ทำให้เสียงต่ำมันดูกระป๋องไปกันอีก อีกทั้งมิติเสียงจากตำแหน่งลำโพงทั้งสองตัวตำแหน่งต่างกัน มิติเสียงจะขัดๆกันบ้าง

Conclusion  
 

         Samsung Galaxy A72 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีกับสมาร์ทโฟนในกลุ่มตลาดระดับกลาง ซึ่งคงต้องเหมาะกับใครที่ไม่รู้จะเลือกอะไรดี ไม่ชอบนั่งศึกษาสเป็คกระดาษ และ มีความเชื่อมั่นกับแบรนด์ซัมซุง ที่เรียกได้ว่าการใช้งานต่างๆของ Samsung Galaxy A72 มีความน่าเชื่อถือของรอม ที่มีการใช้งานที่ดี ปรับแต่งได้ละเอียดมาก พร้อมกับการใช้งานที่ไม่ต้องมาเสี่ยง ว่ารอมจะดีไหม รอมจะเอ๋อไหม หรือ ต้องมารอรอมอัพเดทเพื่อการใช้งานที่ดีมากขึ้น พร้อมกับการใช้งานในจุดต่างๆที่ทางซัมซุม ก็ได้เลือกใช้หน้าจอ กล้อง สมกับระดับราคาของตัวเครื่อง จอสีสวย จอไหลลื่น กล้องสวยใช้ได้ การใช้งานโหมดการถ่ายภาพครบเครื่อง แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกขัดใจกับการเลือกใช้ Snapdragon 720G ที่ใช้จุดขาย "กราฟฟิกไหลลื่น สายเกมเมอร์ต้องจัด" ด้วยราคาของตัวเครื่องถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาดมีทางเลือกที่เล่นเกมไหลลื่นกว่านี้ ก็ลองตัดสินใจกันดูก็แล้วกัน เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ หรือ เลือกลุ้นกับความไม่แน่นอนของรอม สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ

Price :  13,999 บาท
Special Thanks : Thai Samsung Electronics Co., Ltd.