แน่นอนว่าในวงการ Sound Card ของคอมพิวเตอร์ แบรนด์ที่ทุกคนต้องนึกถึงเป็นอันดับต้นๆก็คงหนีไม่พ้น Creative ด้วยความที่ทำตลาดมาอย่างยาวนาน และโปรดักส์ที่มีคุณภาพมาตรฐานในราคาที่จัดว่าไม่แพง ทำให้เป็น Sound Card คู่คอมพิวเตอร์ของกลุ่มคนหลากหลายมาทุกยุคสมัย .. ไม่ว่าคุณจะเป็น Gamer, ทำงาน Production, หรือผู้ที่รักในเสียงเพลงระดับ Audiophile ทางแบรนด์ Creative ก็มักจะมีโปรดักส์มาตอบสนองความต้องการเสมอ
โปรดักส์เด่นๆในเครือของ Creative Technology ฝั่ง Sound Card ก็คือตระกูล Sound Blaster ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1990 มาถึงตอนนี้ก็กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ในอีกไม่ช้า.. ทาง Creative จึงได้ใช้โอกาสนี้ฉลองครบรอบ 30 ปีด้วยการเปิดตัว Sound Card บนแพลตฟอร์ม PCI-E ที่ออกแบบมาสำหรับกลุ่มฟัง Audiophile โดยเฉพาะ ซึ่งได้มีการอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีของปี 2019 เอาใจคนชอบเสียงเพลงในยุคไฮเทค ประกอบไปด้วยรุ่น AE-9 และ AE-7
เริ่มที่ Sound Blaster AE-9 กันก่อน .. แน่นอนว่ารุ่นนี้เป็น Flagship หรือโปรดักส์ระดับเรือธงในกลุ่ม PCI-E Sound Card จาก Creative แล้ว โดยที่ภายในก็จะใช้อุปกรณ์ระดับ Audiophile-Grade ทั้งหมด ตั้งแต่ Capacitor ในแบบ Fine-Gold จาก Nichicon, และ Capacitor แบบ Film/Foil จาก WIMA สองแบรนด์ที่หลายคนรู้จักกันดี .. ทางด้าน op-amps ภายในก็แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของคนหลายรสนิยม ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนโทนเสียง ก็สามารถหาซื้อตัวใหม่มาลองเล่นได้เลย และหัวใจหลักของภาค Digital to Analog Converter (DAC) ก็จะใช้ของ ESS Sabre 9038 เหมือนเช่นเดียวกับ DAC ระดับ Audiophile ราคาเรือนแสนบางรุ่น สำหรับการรองรับไฟล์ในฝั่ง PCM ก็จะเป็น Hi-Res ที่มาตรฐาน 32-Bit/384kHz และฝั่ง DSD ก็จะรองรับที่ DSD64 .. สุดท้ายก็คือค่า Dynamic Noise Reduction ของรุ่นนี้ก็จะมาที่ระดับ 129dB ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าประทับใจ
การเชื่อมต่อของ AE-9 ก็จะประกอบไปด้วย TOSLINK Optical ขาเข้า 1 ช่อง และ ขาออก 1 ช่อง , 1/8" Rear Out 1 ช่อง , 1/8" Center หรือ Sub Out 1 ช่อง , ช่อง ACM Link (ต้องต่อไฟเลี้ยง PCI-e จาก PSU แบบ 6-Pin ด้วย) , และช่อง RCA ขาวแดง อีกหนึ่งคู่
นอกจากเรื่องคุณภาพเสียงที่เป็นจุดเด่นแล้ว AE-9 ก็ยังคงมีเทคโนโลยี "CleanLine" ที่ทาง Creative ภูมิใจนำเสนอ .. โดยเทคโนโลยีนี้ก็จะเป็นการ Filter Path การทำงานของ Microphone ให้มีคุณภาพสูงที่สุด เสียงที่ได้จะชัดและเคลียร์ ไม่มีการบีบอัด เหมาะสมกับการทำ Voice Communication อย่างแท้จริง .. คุณภาพที่สูงนี้ก็จะได้จากการออกแบบวงจรและอุปกรณ์โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจาก Voltage Rail และตัดสัญญาณ Noise รบกวนอันไม่พึงประสงค์จากอุปกรณ์อื่นๆในคอมพิวเตอร์ อย่างเช่น Graphic Card ประสิทธิภาพสูงที่ผู้ใช้งานมักจะใส่ร่วมกัน
ส่วนรุ่นพระรองก็จะเป็น AE-7 ที่เหมือนจะเป็นการอัพเกรดขึ้นมาจาก AE-5 มากกว่า โดยรุ่นนี้ก็จะยังคงใช้อุปกรณ์ระดับ Audiophile-Grade คล้ายๆ AE-9 แต่จะไม่รองรับการถอดเปลี่ยน op-amp ด้วยตัวเอง และชิพ Digital to Analog Controller (DAC) จะเป็นรุ่นรองลงมา แต่ก็อยู่ในระดับ High-End อย่าง ESS Sabre 9018 ซึ่งยังคงสามารถ Playback เพลงที่ 32-bit/384kHz สำหรับฝั่ง PCM และ DSD64 สำหรับฝั่ง DSD .. ค่า Dynamic Noise Reduction (DNR) ของรุ่นนี้จะอยู่ที่ 127dB เพิ่มขึ้นมาจาก AE-5 ที่มีมา 122dB / การเชื่อมต่อด้านหลังจะเน้นความเป็น 3.5mm ตั้งแต่ช่องสำหรับการต่อแบบ 5.1 ทั้งหมด 3 ช่อง , อีกหนึ่งช่องสำหรับ Headphone และ อีกหนึ่งช่องสำหรับ Microphone .. ส่วนการ Output ผ่าน TOSLINK Optical ยังคงมีอยู่เช่นกัน
เพื่อให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการใช้งาน ทาง Creative ก็มีตัว ACM หรือ Audio Control Module มาให้ทั้งรุ่น AE-9 และ AE-7 ทำให้สามารถสั่งการปรับ Volume ได้จากระยะที่ใกล้มือ หรือจะต่อหูฟังจากตัว ACM นี้ก็สามารถทำได้
พูดถึงการต่อหูฟัง.. Sound Card รุ่นใหม่ของ Creative นี้ก็จะมาพร้อมเทคโนโลยี Xamp ที่ทำงานแบบ Bi-Amplifier จ่ายกำลังแยกกันให้กับทั้งสอง Channel ส่วนกำลังขับก็แน่นอนว่าขับหูฟัง Full Size ที่มีค่าโอห์มสูงๆจนไปถึง In-ear monitor ตัวจิ๋วได้หมดจดอย่างแน่นอน เพราะสเป็ครองรับตั้งแต่ 1-600โอห์มเลยทีเดียว
และนอกจากคุณภาพทางด้าน Audiophile ที่ดีเยี่ยมแล้ว ฟีเจอร์สำหรับผู้เสพ Content Multimedia ประเภทอื่นก็ยังคงจัดมาให้เช่นกัน เพราะด้วยความที่เป็นแบรนด์ Sound Blaster การทำ Processing เสียงก็ยังคงต้องเน้นจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งที่ทำได้หลากหลาย สามารถทำ 5.1 และ 7.1 Surround Virtualization ได้ พร้อมกับการใช้ Encoding จาก Dolby Digital Live และ DTS Connect
ใครที่สนใจก็เก็บเงินรอกันได้เลย .. รุ่น AE-9 จะเปิดราคามาที่ $349 หรือประมาณหนึ่งหมื่นบาท และ AE-7 ที่ $229 หรือประมาณ 7 พันบาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าอยู่ เพราะจะได้ทั้งตัว Sound Card และ ACM ทั้งสองรุ่น